August 13, 2023

IT IS OUR SEASON OF A NEW BEGINNING

IT IS OUR SEASON OF A NEW BEGINNING

TOPIC: IT IS OUR SEASON OF A NEW BEGINNING

ฤดูกาลแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเรา
TEXT: ISAIAH 43:15-19 อิสยาห์ 43:15-19

MINISTERING: Pastor Adebayo Gbadebo

ISAIAH 43:15-19
15 I am the Lord, your Holy One, The
Creator of Israel, your King.”
16 Thus says the Lord, who makes a way
in the sea And a path through the mighty
waters,
17 Who brings forth the chariot and horse,
The army and the power (They shall lie
down together, they shall not rise; They
are extinguished, they are quenched like
a wick):
18 “Do not remember the former things,
Nor consider the things of old.
19 Behold, I will do a new thing, Now it
shall spring forth; Shall you not know it? I
will even make a road in the wilderness
And rivers in the desert.

อิสยาห์ 43:15-19
15 เราคือพระเจ้า องค์บริสุทธิ์ของเจ้าเป็นผู้สร้างของ
อิสราเอล เป็นกษัตริย์ของเจ้า”
16 พระเจ้า ผู้ทรงสร้างทางในทะเลสร้างวิถีในน้ําที่มี
อานุภาพ
17 ผู้ทรงนํารถรบและม้ากองทัพ และนักรบออกมา
เขาทั้งหลายนอนลงด้วยกันและลุกขึ้นไม่ได้เขาทั้งหลายศูนย์
ไปและดับเสียเหมือนไส้ตะเกียง
18 ตรัสดังนี้ว่า “อย่าจดจําสิ่งล่วงแล้วนั้นอย่าพิเคราะห์สิ่ง
เก่าก่อน
19 ดูเถิด เรากําลังกระทําสิ่งใหม่งอกขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่เห็น
หรือเราจะทําทางในถิ่นทุรกันดารและแม่น้ําในที่แห้งแล้ง

1. PREPARE FOR A NEW THING BY NOT REMEMBERING OR THINKING OF
YOUR FORMER THINGS เตรียมพร้อมสําหรับสิ่งใหม่โดยไม่จําหรือคิดถึง
สิ่งเดิมของท่าน
Beloved brothers and sisters in the lord. For you to enter into your season of new
beginning, it is a must that you forget the old things. Failure to forget the old things, it
will be impossible to enter into a season of new beginning. พี่น้องที่รักในองค์พระเจ้า เพื่อให้ท่านเข้าสู่
ฤดูกาลแห่งการเริ่มต้นใหม่ ท่านต้องลืมสิ่งเก่าๆ การลืมสิ่งเก่า ๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าสู่ฤดูกาลแห่งการเริ่มต้นใหม่
A very good example is the children of Israel while at the wilderness, at every
minimal challenge they complain and murmur saying it would have been better for us to
stay in Egypt as slaves. ตัวอย่างที่ดีมากคือลูกหลานของอิสราเอลขณะอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาพร่ําบ่นและบ่น
พึมพําทุกครั้งที่เผชิญกับความท้าทายเล็กน้อยและกล่าวว่าคงจะดีกว่าหากเราอยู่ในอียิปต์ในฐานะทาส

NUMBERS 13:27-33
27 And they told him, and said, We came
unto the land whither thou sentest us, and
surely it floweth with milk and honey; and
this is the fruit of it.
28 Nevertheless the people be strong that
dwell in the land, and the cities are walled,
and very great: and moreover we saw the
children of Anak there.
29 The Amalekites dwell in the land of the
south: and the Hittites, and the Jebusites,
and the Amorites, dwell in the mountains:
and the Canaanites dwell by the sea, and
by the coast of Jordan.
30 And Caleb stilled the people before
Moses, and said, Let us go up at once,
and possess it; for we are well able to
overcome it.

31 But the men that went up with him said,
We be not able to go up against the
people; for they are stronger than we.
32 And they brought up an evil report of
the land which they had searched unto the
children of Israel, saying, The land,
through which we have gone to search it,
is a land that eateth up the inhabitants
thereof; and all the people that we saw in
it are men of a great stature.
33 And there we saw the giants, the sons
of Anak, which come of the giants: and we
were in our own sight as grasshoppers,
and so we were in their sight.

กันดารวิถี 13:27-33
27 เขาทั้งหลายเล่าให้โมเสสฟังว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ไป
ถึงแผ่นดิน ซึ่งท่านใช้ไป มีน้ํานมและน้ําผึ้งไหลบริบูรณ์ที่
นั่นจริง และนี่เป็นผลไม้ของเมืองนั้น
28 แต่คนที่อยู่ในเมืองนั้นมีกําลังมาก และเมืองของเขาก็
ใหญ่โตมีกําแพงล้อมรอบ นอกจากนั้นข้าพเจ้าทั้งหลายยัง
เห็นคนอานาคที่นั่นด้วย
29 คนอามาเลขอยู่ในแผ่นดินเนเกบ คนฮิตไทต์ คนเย
บุส และคนอาโมไรต์อยู่บนภูเขา คนคานาอันอาศัยอยู่ที่
ริมทะเล และตามฝั่งแม่น้ําจอร์แดน”

30 แต่คาเลบได้ให้คนทั้งปวงเงียบต่อหน้าโมเสสกล่าวว่า
“ให้เราขึ้นไปทันทีและยึดเมืองนั้น เพราะพวกเรามีกําลัง
สามารถที่จะเอาชัยชนะได้”
31 ฝ่ายคนทั้งปวงที่ขึ้นไปสอดแนมด้วยกันกล่าวว่า “เรา
ไม่สามารถสู้คนเหล่านั้นได้ เพราะเขามีกําลังมากกว่าเรา”
32 และเขาได้กล่าวร้ายเรื่องแผ่นดิน ที่เขาได้ไปสอดแนม
มา เล ่าให้คนอิสราเอลฟังว ่า “แผ ่นดินที ่เราได้ไปสืบดู
ตลอดแล้วนั้น เป็นแผ่นดินที่กินคนซึ่งอยู่ในนั้น ชาวเมืองที่
เราเห็นเป็นคนรูปร่างใหญ่โต
33 ที่นั่นเราเห็นคนเนฟิล (คนอานาคผู้มาจากคนเนฟิล)
ในสายตาของเรา เราเหมือนเป็นตั๊กแตนโมในสายตาของ
เขาก็เหมือนกัน”

NUMBERS 14:1-10
1 And all the congregation lifted up their
voice, and cried; and the people wept that
night.
2 And all the children of Israel murmured
against Moses and against Aaron: and the
whole congregation said unto them, Would
God that we had died in the land of Egypt!
or would God we had died in this
wilderness!
3 And wherefore hath the Lord brought
us unto this land, to fall by the sword, that
our wives and our children should be a
prey? were it not better for us to return
into Egypt?
4 And they said one to another, Let us
make a captain, and let us return into
Egypt.

5 Then Moses and Aaron fell on their
faces before all the assembly of the
congregation of the children of Israel.
6 And Joshua the son of Nun, and Caleb
the son of Jephunneh, which were of them
that searched the land, rent their clothes:
7 And they spake unto all the company of
the children of Israel, saying, The land,
which we passed through to search it, is
an exceeding good land.
8 If the Lord delight in us, then he will
bring us into this land, and give it us; a
land which floweth with milk and honey.
9 Only rebel not ye against the Lord,
neither fear ye the people of the land; for
they are bread for us: their defence is
departed from them, and the Lord is with
us: fear them not.

10 But all the congregation bade stone
them with stones. And the glory of the
Lord appeared in the tabernacle of the
congregation before all the children of
Israel.
กันดารวิถี 14:1-10
1 แล้วชุมนุมชนนั้นก็ร้องลั่นขึ้นมา ประชาชนร้องไห้ในคืน
วันนั้น
2 บรรดาคนอิสราเอลได้บ่นว่าโมเสสและอาโรน ชุมนุมชน
ทั้งหมดกล่าวแก่ท่านว่า “ให้เราตายเสียที่อียิปต์ หรือให้
เราตายเสียที่ถิ่นทุรกันดารนี้ก็ดีกว่า
3 พระเจ้านําเราเข้ามาในประเทศนี้ให้ตายด้วยคม กระบี่
ทําไมเล่า ลูกเมียของเราต้องตกเป็นเหยื่อ ที่เราจะกลับไป
อียิปต์ไม่ดีกว่าหรือ”
4 เขาพูดแก ่กันและกันว ่า “ให้เราตั้งคนหนึ ่งขึ้นเป็น
หัวหน้า แล้วกลับไปยังอียิปต์เถิด”

5 โมเสสกับอาโรนได้ซบหน้าลงถึงพื้นดินต ่อหน้า ที่
ประชุมของชุมนุมชนอิสราเอล
6 และโยชูวาบุตรนูนกับคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ เป็นผู้ที่ได้
ร่วมไปสอดแนมที่แผ่นดินนั้น ได้ฉีกเสื้อผ้าของตน
7 และกล่าวแก่บรรดาชุมนุมชนอิสราเอลว่า “แผ่นดินที่เรา
ได้เที่ยวสอดแนมดูตลอดนั้นเป็นแผ่นดิน ที่ดีเหลือเกิน
8 ถ้าพระเจ้าพอพระทัยในพวกเรา พระองค์จะทรงนําเรา
เข้าไปในแผ่นดินนี้ และทรงประทานแก่เรา เป็นแผ่นดินที่มี
น้ํานมและน้ําผึ้งไหลบริบูรณ์
9 ขอแต่อย่าให้พวกเรากบฏต่อพระเจ้าเท่านั้นอย่ากลัวชาว
แผ่นดินนั้น เพราะเขาทั้งหลายเป็นขนมของเราแล้ว ร่ม
ฤทธิ์ของเขาก็ศูนย์ไปแล้ว พระเจ้าสถิตฝ่ายเรา อย่ากลัว
เขาเลย”
10 แต่ชุมนุมชนทั้งหมดนั้นพูดกันว่าให้เอาก้อนหินขว้างเขา
เสีย

ROMANS 12:2
2 And be not conformed to this world: but
be ye transformed by the renewing of
your mind, that ye may prove what is that
good, and acceptable, and perfect, will of
God.

โรม 12:2
2 อย ่าประพฤติตามอย ่างคนในยุคนี้ แต ่จงรับการ
เปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่
เพื่อท่านจะได้ทราบน้ําพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี
อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม

PROVERBS 23:7
7 For as he thinketh in his heart, so is he:
Eat and drink, saith he to thee; but his
heart is not with thee.

สุภาษิต 23:7
7 เพราะเขาเป็นเหมือนคนที่คอยนับอยู่ข้างใน เขาพูดกับ
เจ้าว่า “จงกินและดื่มเถิด” แต่ใจของเขามิได้อยู่กับเจ้า

SOLUTION: ทางออก(แก้ปัญหา)
Change your thinking and you change your life เปลี่ยนความคิดแล้วชีวิตท่านจะเปลี่ยน

2. BELIEVING IN GOD LIKE A BABY เชื่อในพระเจ้าเหมือนเด็กทารก
I want to testify you today; nothing is impossible for God to do. ข้าพเจ้าต้องการเป็นพยานให้
ท่านในวันนี้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สําหรับพระเจ้าที่จะทํา
It is not how long I have been a Christian or how much of the time i have read the
bible. ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าเป็นคริสเตียนมานานแค่ไหนแล้วหรือข้าพเจ้าอ่านพระคัมภีร์มานานแค่ไหนแล้ว

SOLUTION: ทางออก(แก้ปัญหา)
How much or to what extent that you believe God’s word even if it makes no
practical sense. ท่านเชื่อพระวจนะของพระเจ้ามากหรือน้อยเพียงใด แม้ว่าจะไม่สมเหตุสมผลก็ตาม

MARK 9:23
22 And, behold, there cometh one of the
rulers of the synagogue, Jairus by name;
and when he saw him, he fell at his feet,
23 And besought him greatly, saying, My
little daughter lieth at the point of death: I
pray thee, come and lay thy hands on her,
that she may be healed; and she shall live.

มาระโก 9:22-23
22 และผีก็ทําให้เด็กตกในไฟ และในน้ําบ่อยๆ หมายจะ
ฆ่าเสียให้ตาย แต่ถ้าท่านสามารถช่วยได้ ขอท่านโปรด
กรุณาเถิด”
23 พระเยซูจึงตรัสแก่บิดานั้นว ่า “‘ถ้าช่วยได้’ น่ะหรือ
ใครเชื่อก็ทําให้ได้ทุกสิ่ง”

Jairus, one of the rulers of the synagogue besought Jesus because his daughter
is at the point of death. He believed that only Jesus can heal and save the daughter.
ไยรัส นายธรรมศาลาคนหนึ่งขอร้องพระเยซูเพราะลูกสาวของเขาใกล้จะตาย เขาเชื่อว่ามีเพียงพระเยซูเท่านั้นที่สามารถรักษา
และช่วยชีวิตลูกสาวได้

MARK 5:22-23
22 And, behold, there cometh one of the
rulers of the synagogue, Jairus by name;
and when he saw him, he fell at his feet,
23 And besought him greatly, saying, My
little daughter lieth at the point of death: I

pray thee, come and lay thy hands on her,
that she may be healed; and she shall live.
มาระโก 5:22-23
22 มีนายธรรมศาลาคนหนึ่งชื่อไยรัสเดินมา และเมื่อเขา
เห็นพระเยซูก็กราบลงที่พระบาทของพระองค์

23 แล้วทูลอ้อนวอนพระองค์ว ่า “ลูกสาวเล็กๆของข้า
พระองค์เจ็บ เกือบจะตายแล้ว ขอเชิญพระองค์ไปวางพระ
หัตถ์บนเขา เพื่อเขาจะได้หายโรคและไม่ตาย”

While with Jesus on the way the case went out of the hand to a worse situation.
ขณะที่อยู่กับพระเยซูในระหว่างทาง คดีก็ตกอยู่ในพระหัตถ์สถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่า

MARK 5:35-43
35 While he yet spake, there came from
the ruler of the synagogue’s house certain
which said, Thy daughter is dead: why
troublest thou the Master any further?
36 As soon as Jesus heard the word that
was spoken, he saith unto the ruler of the
synagogue, Be not afraid, only believe.
37 And he suffered no man to follow him,
save Peter, and James, and John the
brother of James.
38 And he cometh to the house of the
ruler of the synagogue, and seeth the
tumult, and them that wept and wailed
greatly.
39 And when he was come in, he saith
unto them, Why make ye this ado, and
weep? the damsel is not dead, but
sleepeth.
40 And they laughed him to scorn. But
when he had put them all out, he taketh
the father and the mother of the damsel,
and them that were with him, and entereth
in where the damsel was lying.

41 And he took the damsel by the hand,
and said unto her, Talitha cumi; which is,
being interpreted, Damsel, I say unto thee,
arise.
42 And straightway the damsel arose, and
walked; for she was of the age of twelve
years. And they were astonished with a
great astonishment.
43 And he charged them straitly that no
man should know it; and commanded that
something should be given her to eat.
มาระโก 5:35-43
35 เมื่อพระองค์ยังตรัสไม่ทันขาดคํา มีบางคนได้มาจาก
บ้านนายธรรมศาลาบอกว่า “ลูกสาวของท่านตายเสียแล้ว
ยังจะรบกวนอาจารย์ทําไมอีกเล่า”
36 ฝ ่ายพระเยซูไม ่ทรงฟังซึ ่งเขาว ่านั้น จึงตรัสแก่นาย
ธรรมศาลาว่า “อย่าวิตกเลย จงเชื่อเท่านั้นเถิด”
37 พระองค์ไม ่ทรงอนุญาตให้ผู้ใดไปด้วย เว้นแต่เปโตร
ยากอบ และยอห์นน้องชายของยากอบ
38 ครั้นพระองค์เสด็จไปถึงเรือนนายธรรมศาลาแล้ว ก็
เห็นคนวุ่นวายร้องไห้คร่ําครวญเป็นอันมาก
39 และเมื ่อพระองค์เสด็จเข้าไปแล้ว จึงตรัสถามเขาว่า
“ท่านทั้งหลายพากันร้องไห้วุ่นวายไปทําไม เด็กนั้นไม่ตาย
แต่นอนหลับอยู่”

40 เขาก็พากันหัวเราะเยาะพระองค์แต่เมื่อพระองค์ขับคน
ทั้งหลายออกไปแล้ว จึงนําบิดามารดาและสาวกสามคนที่
ตามพระองค์มานั้นเข้าไปในที่ที่เด็กหญิงอยู่
41 พระองค์จึงจับมือเด็กหญิงนั้นตรัสว่า “ทาลิธา คูมิ”
แปลว่า “เด็กหญิงเอ๋ย เราว่าแก่เจ้าว่า จงลุกขึ้นเถิด”

42 ในทันใดนั้นเด็กหญิงนั้น ก็ลุกขึ้นเดิน เพราะว่าเด็ก
นั้นอายุได้สิบสองปี ในทันใดนั้นคนทั้งปวงก็ประหลาดใจ
อย่างยิ่ง
43 พระองค์ก็กําชับห้ามเขาแข็งแรงไม ่ให้บอกผู้ใดให้รู้
เหตุการณ์นี้ แล้วจึงสั ่งเขาให้นําอาหารมาให้เด็กนั้น
รับประทาน

3. ALLOWING GOD TO DO THE NEW THING: ยอมให้พระเจ้าทําสิ่งใหม่
The almighty God is the God of a new beginning. So, if you desire a new beginning,
you must allow God to do it for you and not do it by your strength, wisdom or logic.
พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพเป็นพระเจ้าแห่งการเริ่มต้นใหม่ ดังนั้น หากท่านต้องการเริ่มต้นใหม่ ท่านต้องยอมให้พระเจ้าทําเพื่อ
ท่าน ไม่ใช่ทําด้วยกําลัง สติปัญญา หรือเหตุผลของท่าน
A new beginning for the Israelites from bondage to freedom การเริ่มต้นใหม่ของชาวอิสราเอล
จากการเป็นทาสสู่อิสรภาพ

EXODUS 12:1-2
1 And the Lord spake unto Moses and
Aaron in the land of Egypt saying,
2 This month shall be unto you the
beginning of months: it shall be the first
month of the year to you.

อพยพ 12:1-2
1 พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนในประเทศอียิปต์ว่า
2 “ให้เดือนนี้เป็นเดือนเริ่มต้นสําหรับเจ้าทั้งหลาย ให้เป็น
เดือนแรกในปีใหม่สําหรับพวกเจ้า

EXODUS 12:12
12 For I will pass through the land of
Egypt this night, and will smite all the
firstborn in the land of Egypt, both man
and beast; and against all the gods of
Egypt I will execute judgment: I am the
Lord.

อพยพ 12:12
12 เพราะในคืนวันนั้น เราจะผ ่านไปในประเทศอียิปต์
และเราจะประหารลูกหัวปีทั้งหมดในอียิปต์ทั้ง ของมนุษย์
และของสัตว์ และเราจะพิพากษาลงโทษพระทั้งปวงของ
อียิปต์ เราคือพระเจ้า

THE VALLEY OF THE DRY BONES: หว่างเขากระดูกแห้ง
EZEKIEL 37:1-3
1 The hand of the Lord was upon me, and
carried me out in the spirit of the Lord,
and set me down in the midst of the valley
which was full of bones,
2 And caused me to pass by them round
about: and, behold, there were very many
in the open valley; and, lo, they were very
dry.
3 And he said unto me, Son of man, can
these bones live? And I answered, O Lord
God, thou knowest.

เอเสเคียล 37:1-3
1 พระหัตถ์ของพระเจ้ามาอยู่เหนือข้าพเจ้า และพระองค์
ทรงนําข้าพเจ้าออกมาด้วยพระวิญญาณ ของพระเจ้าและ
วางข้าพเจ้าไว้ที่กลางหว่างเขา มีกระดูกเต็มไปหมด
2 พระองค์ทรงพาข้าพเจ้าไปเที่ยวในหมู่กระดูกเหล่านั้น ดู
เถิด มีกระดูกที่หว่างเขานั้นมากมายเหลือเกิน และนี่แน่ะ
เป็นกระดูกแห้งทีเดียว
3 และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย
กระดูกเหล ่านี้จะมีชีวิตได้ไหม” และข้าพเจ้าทูลตอบว่า
“พระเจ้าเจ้าข้าพระองค์ก็ทรงทราบอยู่แล้ว”

Leave a Reply

Your email address will not be published.

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.